วัดปากน้ำโจ้โล้ วัดสีทอง ขอพรใต้ฐานพระประธาน วัดปากน้ำโจ้โล้ ฉะเชิงเทราอ่านชื่อแล้วอยากรู้ประวัติ อยากรู้ที่มาของชื่อเลยทีเดียว วันนี้เราจะพาทุกคนไปเที่ยววัดฉะเชิงเทรา โดยเราหาข้อมูลประวัติ ดูข้อมูลรีวิวแล้ว ล่ะก็เช็คแล้วด้วยว่าช่วงนี้วัดเปิดไหม และขึ้นชื่อว่าจุดขอพรของที่วัดนี้ไม่เหมือนที่อื่นด้วยนะไปดูกัน
วัดปากน้ำโจ้โล้ภาษาอังกฤษ Wat Paknam Jolo วัดสีทองทั้งหลัง ตระการตายิ่งนัก
วัดปากน้ำโจ้โล้ประวัติ วัดปากน้ำโจโล่เดิมทีเป็นสำนักสงฆ์ที่สร้างในสมัยอยุธยาตอนปลายหน้าวัดมีคลองไหลผ่าน และเดิมทีพื้นที่บริเวณนี้ก็เป็นที่ตั้งของทัพพม่าอีกด้วยซึ่งการต่อสู้รบกันครั้งนั้นเป็นการสู้รบระหว่างพม่ากับสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช และครั้งนั้นพม่าก็ได้พ่ายแพ้ให้แก่พระเจ้าตากสินพระองค์จึงได้โปรดเกล้าให้สร้างเจดีย์ขึ้น ณ บริเวณนี้เพื่อเป็นอนุสรณ์ของชัยชนะ
วัดปากน้ำโจ้โล้ คำว่า “โจ้โล้” มาจากการที่สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชทรงวางแผนวางกลยุทธ์การทำสงครามเข้าตีทหารพม่าโดยที่ทรงโล้เรือมาตามน้ำ ให้ทหารพม่าเข้าใจผิดว่าพระองค์มาเพียงลำพังทหารพม่าเลยเกิดความชะล่าใจคิดว่าพระองค์มาเพียงลำพังจริง แต่ที่ไหนได้กลับมีทหารบางส่วนสุ่มล้อมโจมตีจนได้ชัยชนะในครั้งนั้น และก็ได้เรียกการต่อมาเรื่อย ๆ ว่า “เจ้าโล้” นานวันเข้าจึงเพี้ยนเป็น “โจ้โล้” และวัดนี้ยังตั้งอยู่บริเวณปากน้ำที่จะไหลลงสู่แม่น้ำบางปะกงจนกลายมาเป็นที่มาของชื่อ "วัดปากน้ำโจ้โล้"
วัดปากน้ำโจ้โล้ประวัติ ประวัติในส่วนนี้มาจากอีกมุมมองหนึ่งที่ชาวจีนมักเรียกลำน้ำที่มีปลากระพงชุกชุมว่า “โจ้โล้” โดยระบุว่าก่อตั้งวัด เมื่อพ.ศ 2336
วัดปากน้ำโจ้โล้ฉะเชิงเทรา ไฮไลท์ของวัดสีทองก็ คือ โบสถ์สีทองทั้งหลังไม่ว่าจะเป็นทั้งภายนอกและภายในมีสีเหลืองทองอร่ามแทนการใช้ภาพจิตรกรรมฝาผนัง และที่โดดเด่นไม่แพ้กันก็จะเป็นการประดับประดาหลังคาด้วยพญานาคและธรรมจักร ส่วนตรงกลางมีบุษบกยอดฉัตร
ลักษณะการตกแต่งบริเวณวัดสีทอง อย่างเช่นบริเวณกำแพงแก้วชั้นนอกจะตกแต่งด้วยลวดลายธรรมจักรสลับกับโคมไฟรูปช้างสามเศียรเป็นระยะระยะสวยงามและแปลกตามาก
ภายในโบสถ์ มีองค์หลวงพ่อโตเป็นพระประธานซึ่งจำลองมาจากพระพุทธชินราช ประกอบกับด้านหน้ามีพระบรมฉายาลักษณ์พระเจ้าตากสินไว้ให้กราบไหว้อีกด้วย
ด้านบนโบสถ์ มีการสร้างบุษบกเพื่อบรรจุพระบรมธาตุ ภายในอุโบสถด้านบนยังมีการตกแต่งลวดลายปูนปั้นที่ใช้แม่พิมพ์สร้างขึ้นมาประดับตกแต่งซึ่งก็เป็นสีทองทั้งหมดอีกเช่นเคย
ด้านนอกโบสถ์ มีศาลาปู่หมอชีวกโกมารภัทร ปู่นารอดปู่ตาไฟและศาลสมเด็จพระเจ้าตากสินทรงประทับท่านั่งพระหัตถ์ 2 ข้างกำดับด้านข้างขนาดเป็นรูปปั้นทหารองครักษ์
วัดปากน้ำโจ้โล้ขอพร ถือเป็นไฮไลท์ของวัดปากน้ำโจ้โล้ เพราะการขอพรของที่นี่ก็คือการลอดใต้ฐานพระประธานโดยมีความเชื่อว่าหากรอดแล้วจะเป็นการเสริมสิริมงคลขณะเดินเข้าให้เดินเข้าทางซ้ายมือโดยทะลุออกไปยังฝั่งขวามือของพระประธานระหว่างที่รอดหยุ่นและสำคัญมากเพราะจะมีทั้งบทสวดและคำอธิษฐานคำขอพรที่เราต้องการตั้งจิตให้นิ่งแล้วอธิษฐานขอพรนั้นให้สมดั่งใจหวัง
วัดปากน้ำโจ้โล้รีวิว สำหรับเราเรามองว่าวัดนี้ดูแตกต่างจากวัดอื่นๆสิ่งที่แตกต่างสิ่งแรกเลยก็คือสีทองทั้งหลังย้ำว่าทั้งหลังทั้งภายในและภายนอกและการตกแต่งค่อนข้างแตกต่างจากวันอื่นตรงที่ปกติผนังวัดภายในวัดจะมีลวดลายจิตรกรรมฝาผนังงานเขียนเอาเรื่องราวพุทธประวัติแต่ที่นี่ไม่มีเลยกลับเป็นลวดลายอ่อนช้อยและลงด้วยสีทองอร่าม
ความรู้สึกภาพจำลองที่เคยอ่านเจอในหนังสือว่าเป็นภาพบนสวรรค์ชั้นบนสุดเพราะการประดับจะประดับด้วยสัตว์ชั้นสูงอย่างเช่นประดับด้วยพญานาคประดับด้วยธรรมจักรซึ่งธรรมจักรเป็นเครื่องหมายของศาสนาพุทธและยังคงมีให้ไปตายอย่างก็คือมีบุษบกยอดฉัตร หรือแม้กระทั่งกำแพงยังตกแต่งด้วยลวดลายธรรมจักรโคมไฟยังเป็นรูปช้างสามเศียรอีกด้วยภาพวาดสวยแล้วไปเห็นกับตาสวยยิ่งกว่าแนะนำค่ะ
กิจกรรม : อธิฐานขอพรขณะลอดใต้ฐานพระประธาน
สถานที่ใกล้เคียง : วัดโสธรวรารามวรวิหาร (23.3 กม.)
จุดที่น่าสนใจ : อุโบสถสีทองทั้งหลัง
วัดปากน้ำโจ้โล้เปิดไหม : เปิดปกติ ทุกวันตั้งแต่เวลา 8:00 น ถึง 17:00 น
ค่าเข้าชม : เข้าชมฟรี
วัดปากน้ำโจ้โล้เส้นทาง : สมัยนี้ GPS เลยจ้า พิกัด : กดที่นี่
|